เชื่อกันว่ากาแฟถูกค้นพบครั้งแรกโดยเด็กเลี้ยงแพะชาว อาบิสซีเนีย ที่ชื่อว่า คาลดี ในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 9 จากการสังเกตพบว่า แพะดูกระปรี้กระเปร่าขึ้นเมื่อกินเมล็ดกาแฟป่า จากเอธิโอเปีย กาแฟได้แพร่กระจายไปยังอียิปต์และเยเมน และในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 15 กาแฟได้แพร่ไปทั่วตะวันออกกลางทั้งหมด รวมทั้ง เปอร์เซีย ตุรกีและแอฟริกาเหนือ
ในปี ค.ศ. 1583 เลโอนาร์ด เราวอล์ฟ แพทย์ชาวเยอรมัน ได้บรรยายถึงกาแฟหลังจากท่องเที่ยว ในดินแดนตะวันออกใกล้เป็นเวลากว่าสิบปีไว้ว่าดังนี้ “เครื่องดื่มที่มีสีดำเหมือน หมึก ใช้รักษาโรคภัยได้หลายชนิด โดยเฉพาะอย่างยิ่งโรคที่เกี่ยวกับท้อง ผู้ดื่มจะดื่มในตอนเช้า มันเป็นการนำน้ำและผลไม้จากไม้พุ่มที่เรียกว่า bunnu”
ในช่วงก่อนศตวรรษที่ 16 กาแฟถูกปลูกโดยชาวอาหรับเท่านั้น ชาวอาหรับหวงแหนพันธุ์กาแฟมาก แต่ในที่สุดเมล็ดกาแฟก็ออกมาสู่โลกกว้าง เนื่องจากการค้าขายระหว่างเวนิซกับแอฟริกาเหนือ อียิปต์และตะวันออกกลางที่เจริญขึ้น ทำให้อิตาลีได้รับสินค้าใหม่ ๆ เข้ามา ซึ่งรวมไปถึงกาแฟด้วย หลังจากนั้น กาแฟก็ได้แพร่กระจายไปทั่วยุโรป เนื่องจากได้รับการยอมรับว่าเป็นเครื่องดื่มของคริสเตียน โดยสมเด็จพระสันตะปาปาคลีเมนต์ที่ 8 ในปี ค.ศ. 1600 แม้ว่าจะมีการร้องเรียนให้ยกเลิก “เครื่องดื่มมุสลิม” ก็ตาม ร้านกาแฟแห่งแรกในทวีปยุโรปเปิดในอิตาลีในปี ค.ศ. 1645ชาวดัตช์เป็น ชนชาติแรกที่นำเข้ากาแฟเป็นจำนวนมาก และฝ่าฝืนข้อห้ามของอาหรับเกี่ยวกับ การส่งออกพืชและเมล็ดที่ยังไม่ได้คั่ว เมื่อ Pieter van den Broeck ลักลอบนำเข้ากาแฟจากเอเดนไปยังยุโรปในปี ค.ศ. 1616ในภายหลังชาวดัตช์ยังได้นำไปปลูกในเกาะชวาและซีลอน
ซึ่งผลผลิตกาแฟจากเกาะชวาสามารถส่งไปยังเนเธอร์แลนด์ได้ในปี ค.ศ. 1711 และด้วยความพยายามของบริษัทอินเดียตะวันออกของอังกฤษ ทำให้กาแฟได้รับความนิยมในประเทศอังกฤษเช่นเดียวกัน กาแฟเข้าสู่ประเทศฝรั่งเศส ในปี ค.ศ. 1657 และเข้าสู่ประเทศออสเตรียและโปแลนด์ หลังจาก ยุทธการแห่งเวียนนา เมื่อปี ค.ศ. 1683 หลังจากที่ทหารสามารถยึด เสบียงของทหารออตโตมานเติร์กที่พ่ายแพ้ในการรบครั้งนั้น
หลังจากนั้น กาแฟได้เข้าสู่ทวีปอเมริกาเหนือในช่วงของยุคอาณานิคม แต่ว่าไม่ได้รับความนิยมมากเท่ากับในทวีปยุโรป อย่างไรก็ตาม ในช่วงสงครามปฏิวัติอเมริกัน ปริมาณความต้องการกาแฟได้เพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็วจนพวกพ่อค้ากักตุนสินค้า เอาไว้และปั่นราคาขึ้นอย่างกะทันหัน ซึ่งบางส่วนเป็นผลมาจากการที่พ่อค้าชาวอังกฤษไม่สามารถนำเข้าชาได้มากนัก หลังจากสงครามปี 1812 ในช่วงที่อังกฤษงดการนำเข้าชาเป็นการชั่วคราว ชาวอเมริกันจึงหันมาดื่มกาแฟแทน และมีปริมาณความต้องการสูงมากในช่วงสงครามกลางเมืองอเมริกัน ไปพร้อม ๆ กับการพัฒนาของเทคโนโลยีการต้มเหล้าทำให้กาแฟกลายเป็นสินค้ายอดนิยมในสหรัฐ อเมริกาจนถึงปัจจุบัน
ความสำเร็จที่เราทุ่มเทความทุ่มเท เอาใจใส่ เพื่อให้ได้กาแฟรสดี
ขั้นตอนการชง กาแฟ เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ Barista หรือคนชงกาแฟหลายๆท่านนั้น ทำอยู่เสมอๆแล้วนั้น แต่ขั้นตอนการชงกาแฟอย่างถูกต้อง เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้รสชาติของกาแฟที่ชงออกมานั้น ได้รสชาติที่ดีด้วย
ขั้นตอนการชงกาแฟอย่างถูกต้องมีดังนี้
1. บดกาแฟ ตามเบอร์บดที่ได้กำหนดไว้
2. นำ Porta-filter ออก จากหัวชงแล้วเปิดสวิทช์ล้างหัวชง และเช็ดทำความสะอาด Basket Filter (ไส้กรอง) ให้แห้ง
3. ใส่กาแฟที่บดแล้ว และเกลี่ยกาแฟให้เรียบ แล้วกดกาแฟ (หรือเรียกว่า การแพคกาแฟ) ด้วย Tamper ให้แน่นและไม่เอียงไปด้านใดด้านหนึ่ง
4. ทำความสะอาดกาแฟที่ติดอยู่กับขอบ Porta-filter
5. เปิดสวิทช์ล้างหัวชงใช้ผ้าเช็ดตะแกรงและทางไหลของน้ำ แล้วนำ Porta-filter เข้าหัวชงแล้วกดสวิทช์ทันที (น้ำกาแฟจะไหลโดยใช้เวลาไม่เกิน
20 – 30 วินาที)
6. หลังจากชงเสร็จ นำด้ามอัดกาแฟออกจากหัวชงและเคาะกากกาแฟทิ้ง จากนั้นเปิดสวิทซ์ล้างหัวชง และเช็ดทำความสะอาดให้เรียบร้อย
7. การชงกาแฟมีหลากหลายขั้นตอนด้วยกันนะครับ นี่เป็นเพียงขั้นตอนหนึ่งที่สามารถให้ผู้ที่เริ่มชงกาแฟใหม่ๆ สามารถนำไปปฏิบัติได้ครับ